ผักโขมอุดมไปด้วยสารอาหาร เช่น ธาตุเหล็กและวิตามินซี ซึ่งสามารถรับประทานได้ทั้งแบบสดและแบบปรุงสุก มันโตเร็วมากและพร้อมเก็บเกี่ยวในเวลาเจ็ดถึงแปดสัปดาห์ พวกมันยังบำรุงรักษาต่ำและต้องการการดูแลเพียงเล็กน้อย ยกเว้นการรดน้ำในช่วงที่อากาศแห้ง ผักโขมปลูกได้ดีที่สุดในเดือนที่อากาศหนาวเย็น เนื่องจากในวันที่อากาศร้อน สมุนไพรมีแนวโน้มที่จะ 'สลักเกลียว' ทำให้เกิดรสขม
ขั้นตอน
ขั้นตอนที่ 1 ตัดสินใจว่าจะเก็บเกี่ยวผักโขมเมื่อใด
ผักโขมสามารถเก็บเกี่ยวได้ทุกเมื่อที่คุณรู้สึกว่าพร้อม คุณสามารถเลือกเก็บใบ 'ทารก' ที่เล็กกว่าซึ่งมักจะมีรสหวานกว่า หรือปล่อยให้ผักโขมงอกใบที่ใหญ่ขึ้น
ขั้นตอนที่ 2. เลือกวิธีการที่เหมาะสม
คุณจะสับผักโขมที่โคนก้านหรือดึงก้านออกจากดินก็ได้ หากคุณต้องการให้ผักโขมงอกใหม่อีกครั้ง ให้สับที่โคนในขณะที่เหลือก้านเล็กน้อยเพื่อให้มันงอกใหม่ หากคุณโชคดี คุณจะมีผักโขมอีกชุดหนึ่งให้เก็บเกี่ยว
นอกจากนี้ คุณยังสามารถตัดใบที่ใหญ่กว่าด้านนอกและปล่อยให้ใบผักโขมที่มีขนาดเล็กกว่าเติบโตได้ วิธีนี้จะทำให้คุณเก็บเกี่ยวได้อีกหากใบผักโขมที่เหลือยังต้องใช้เวลาในการเจริญเติบโต
ขั้นตอนที่ 3 เก็บเกี่ยวผักโขมก่อนที่ปัญหาจะเกิดขึ้น
ปัญหาที่พบบ่อยที่สุดที่ชาวสวนพบคือเมื่อใบผักโขมเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือ "สายฟ้า" ให้แน่ใจว่าได้เก็บเกี่ยวผักโขมก่อนนั้น
การโบลต์คือการที่ลำต้นและใบแตกหน่อขึ้นตรง ไม่สามารถสร้างใบที่ใหญ่ขึ้นซึ่งจำเป็นสำหรับการทำอาหาร มักเกิดขึ้นเมื่ออากาศอบอุ่นขึ้นในช่วงต้นฤดูปลูก ผักโขมเตรียมที่จะ 'ออกดอก' และขยายพันธุ์แทนที่จะเน้นที่การผลิตใบ
ขั้นตอนที่ 4. ล้างผักโขม
นำผักโขมเข้าไปแล้วล้างใบใต้ก๊อกน้ำในครัวเพื่อขจัดสิ่งสกปรก ด้วยวิธีนี้ คุณจะไม่ใช้ผักโขมกับทากหรือดินให้ทั่ว
ขั้นตอนที่ 5. กำจัดใบที่เสียหาย
ต้องกำจัดใบหรือผักโขมสีเหลืองที่เสียหาย ใบเหล่านี้ไม่ควรรับประทานและควรตรงไปที่ถังขยะแทน หรือใช้ใบหักในซุปหรือสตูว์ซึ่งความเสียหายจะไม่เป็นปัญหา
ขั้นตอนที่ 6. เก็บผักโขม
วางใบในกระดาษชำระในถุงพลาสติกที่ปิดสนิท ควรเก็บใบไว้ในตู้เย็นและสามารถอยู่ได้นานถึงสองสัปดาห์ ทางที่ดีควรใช้ผักโขมขึ้นมาก่อน
ขั้นตอนที่ 7. ตัดผักโขมขึ้น
ก่อนที่คุณจะใช้ผักโขม ให้ตัดใบออกจากก้าน ตัดในปริมาณที่เหมาะสมที่คุณต้องการใช้แล้วทิ้งส่วนที่เหลือของใบไว้กับลำต้น ควรหั่นใบผักโขมเมื่อคุณต้องการใช้เท่านั้น มิฉะนั้น ใบผักโขมจะไม่สามารถเก็บรักษาไว้ได้ดี